หน้าหลัก
การรับรอง
มาตรฐานสากล
ISO 9001
ISO 14001
ISO 45001
ISO 27001
ISO 29110
ความปลอดภัยอาหาร
Good Hygiene Practices (GHPs)
HACCP
ISO/FSSC 22000
TAS 9023
TAS 9024
TAS 9046
GMP 420
GMP 386
ด้านสังคมและแรงงาน
SA8000
SMETA SEDEX
การทวนสอบ
SLCP
HIGG FEM/FSLM
Carbon Footprint Organisation
การเรียนออนไลน์
บทความ
ติดต่อเรา
0
0
ลงชื่อเข้าใช้
ภาษาไทย
English (US)
ภาษาไทย
ติดต่อเรา
HACCP
การวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม
บล็อกทั้งหมด
Food
HACCP
การประยุกต์ใช้ HACCP เกิดจากความมุ่งมั่นและการมีส่วนร่วมของผู้บริหารและบุคลากรตามข้อกำหนด โดยการจัดตั้งทีม HACCP และระบุขอบข่าย อธิบายถึงรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ระบุวัตถุประสงค์ จัดทำแผนภูมิกระบวนการผลิต ทบทวน ณ สถานที่จริง ระบุอันตรายทุกชนิด รวมถึงการอบรม กำหนดวิธีการจัดทำเอกสาร พิสูจน์ยืนยันการใช้แผน กำหนดการเฝ้าระวังการปฏิบัติการในแต่ละจุด CCP กำหนดค่าและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม
1. การจัดตั้งทีมงาน HACCP และระบุขอบข่าย
ประกอบด้วยบุคลากรจากหลายสาขากิจกรรมที่ปฎิบัติที่แตกต่างกันที่มีความรู้ความสามารถ สมาชิกในทีมประมาณ 9-11 คน ทบทวนในส่วนของฝ่ายผลิต, QC, ซ่อมบำรุง, การทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อ
2. อธิบายรายละเอียดผลิตภัณฑ์รวมถึงข้อมูลด้านความปลอดภัยเช่น
- ส่วนประกอบ
- ลักษณะทางกายภาพ/เคมี เช่น aw pH สารก่อภูมิแพ้
- วิธี/เทคโนโลยีการแปรรูป เช่น ให้ความร้อน แช่แข็ง รมควัน
- ภาชนะบรรจุ
- ความทนทาน/อายุการเก็บรักษา
- สภาวะการเก็บรักษา
- วิธีการกระจายสินค้า
โดยการพิจารณาข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องและนำพิจารณาแผน HACCP เช่น ปริมาณวัตถุเจือปนในอาหาร กฎหมายด้านปริมาณจุลินทรีย์สามารถจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะหรือกระบวนการขั้นตอนผลิตที่คล้ายกัน
3. ระบุวัตถุประสงค์ในการใช้ผลิตภัณฑ์และผู้ใช้
ระบุวัตถุประสงค์ในการใช้ผลิตภัณฑ์และผู้ใช้และการคาดคะเนการนำผลิตภัณฑ์ไปใช้อาจนำมาจากข้อมูลภายนอก เช่น ภาครัฐ หรือแหล่งอื่น ที่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับวิธ๊การที่ผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ที่นอกเหนือจากองค์กรกำหนดหากผลิตอาหารเฉพาะสำหรับผู้บริโภคที่อ่อนแออาจต้องปรับปรุงการควบคุมกระบวนการ เช่น การตรวจเฝ้าระวังมาตรการควบคุมที่ความถี่เพิ่มขึ้นทบทวนการควบคุมที่มีประสิทธิผลโดยการทดสอบผลิตภัณฑ์หรือดำเนินกิจกรรมอื่นๆเพื่อดำเนินกิจกรรมอื่นๆเพื่อให้มั่นใจในอาหารปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค
4. จัดทพแผนภูมิกระบวนการผลิต
- แผนจะต้องควบคุมกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนรวมถึงขั้นตอน rework
- ระบุ input ทั้งหมด
- การผลิตที่ซับซ้อนสามารถแบ่งแผนภูมิกระบวนการผลิตย่อยและแสดงความเชื่อมโยงกัน
- ใช้แผนภูมิกระบวนการผลิตในการวิเคราะห์อันตรายสำหรับการประเมินความเป็นไปได้ที่จะเกิด ขึ้นไม่ว่าจะเพิ่ม ลด หรือเริ่มเกิด
- แผนกระบวนการผลิตจะต้องมีความชัดเจนถูกต้องและมีรายละเอียดสำหรับการวิเคราะห์อันตราย แผนภูมิกระบวนการผลิตควรรวมถึงลำดับและความสัมพันธ์ของขั้นตอนต่างๆ จุดที่รับวัตถุดิบ ส่วนประกอบ สารช่วยในการแปรรูป เช่น การสุ่มตัวอย่างของกระบวนการนั้นๆเพื่อเป็นรายละเอียดสำหรับการวิเคราะห์เพิ่มเติมบรรจุภัณฑ์สาธารณูปโภคและผลิตภัณฑ์ระหว่างกระบวนการผลิตสู่กระบวนการใดๆที่จ้างโดยภายนอกรวมถึงขั้นตอนที่ผ่านการผลิตซ้ำและรีไซเคิลและขั้นตอนที่ผลิตภัณฑ์สุดท้าย ผลิตภัณฑ์ระหว่างกระบวนการผลิตของเสีย และผลพลอยได้ ออกหรือถูกนำออกจากกระบวนการ
5. ยืนยันแผนภูมิกระบวนการผลิต ณ สถานที่ผลิต ตรวจสอบยืนยันกิจกรรมกระบวนการผลิตจริงทุกขั้นตอนและช่วงเวลาการผลิตเปรียบเทียบกับแผนภูมิและแก้ไขให้ถูกต้องอาจดำเนินการโดยบุคคลเดียวหรือหลายคนที่มีความรู้ด้านกระบวนการผลิตอย่างเพียงพอ
6. ระบุอัตราย วิเคราะห์อันตราย เพื่อระบุอันตรายที่มีนัยสำคัญ พิจารณามาตรการควบคุม
ระบุอันตรานยทุกชนิดที่อาขเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนจะต้องประเมินความมีนัยสำคัญของอันตรายโดย อันตรายจากขั้นตอนการผลิตชนิดของอาหารโอกาสเกิดอันตรายเมื่อมีเฉพาะ PRP และความรุนแรงต่อสุขภาพสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือที่ใช้ผลิตรวมถึงการรอดชีวิตหรือเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ การผลิตหรือความคงทนในอาหารของสารพิษ สารเคมี วัตถุกายภาพ วัตถุประสงค์การใช้หรือความน่าจะเป็นในการปฏิบัติไม่ถูกต้องของผู้บริโภค ระดับของอันตรายที่ยอมรับได้
7. การกำหนดจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม
จุดวิกฤตที่ต้องควบคุม CCP มาตรการควบคุมที่ส่งผลให้อันตรายอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ CCP อาจมีมากกว่า 1 ในการควบคุมเดียวกัน การกำหนด CCP สามารถใช้ decision tree หรือแนวทางอื่นได้ พิจารณาเฉพาะอันตารยที่มีนัยสำคัญ
8. กำหนดค่าวิกฤตของแต่ละจุดที่ต้องควบคุม
พิจารณาว่า CCP อยู่ในการควบคุมหรือไม่และแยกแล้วผลิตภัณฑ์ ที่ยอมรับได้ออกจากผลิตภัณฑ์ที่ยอมรับไม่ได้ค่าวิกฤต ควรมัดได้หรือสังเกตได้อาจมีมากกว่า 1 ค่าใน 1 ขั้นตอน เกณฑ์ที่นิยมใช้ เช่น อุณหภูมิ เวลา ความชื้น pH aw คลอรีน การพิสูจน์ยืนยันความใช้ได้ของค่าวิกฤต อาจรวมถึงงานวิจัยกฎหมายหรือแนวทางจากภาครัฐ หรือการศึกษาที่ดำเนินการโดยบุคคลที่สาม เช่นการศึกษาที่ดำเนินการโดยผู้ผลิตเครื่องมือการพิสูจน์ยืนยันความใช้ได้ของมาตรการควบคุมนั้นมีการอธิบายเพิ่มเติมใน Guidelines for the Validation of Food Safety Control Measures (CXG 69-2008)
9. กำหนดระบบการตรวจเฝ้าระวังของแต่ละจุด
- กำหนดระบบการตรวจเฝ้าระวังตรวจพบการสูญเสียจะต้องมีมาตรการควบคุม ณ CCP ได้ทันเวลา หากมีแนวโน้มการสูญเสียควบคุมต้องปรับกระบวนการก่อนการเกิดการเบี่ยงเบน
- ตรวจเฝ้าระวังต้องรวดเร็วควรต่อเนื่อง หากไม่เป็นระบบต่อเนื่องช่วงความถี่ต้องเพียงพอเพื่อประกันว่า CCP อยู่ภายใต้สภาวะควบคุม ควรใช้การตรวจหาทางกายภาพและทางเคมีวิธีการตรวจสอบทางจุลินทรีย์ไม่เหมาะ
- การประเมินผล ดำเนินการโดยผู้รับผิดชอบที่มีความรู้และอำนาจในการปฏิบัติแก้ไข
10. การกำหนดปฏิบัติการแก้ไข
กำหนดการปฏิบัติการแก้ไขจากการสูญเสียการควบคุมเฉพาะในแต่ละ CCP วินัยลักษณ์อักษร ก็ได้มีการเฝ้าระวังค่าวิกฤต เมื่อพบการเบี่ยงเบนแสดงว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตอาจไม่ปลอดภัย เช่น การจัดให้ CCP กลับสู่สภาวะควบคุม แยกผลิตภัณฑ์ที่ได้ผลกระทบ ประเมินความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
อาจใช้ผู้เชี่ยวชาญภายนอกประเมินความปลอดภัย พิจารณาว่า ผ่านกระบวนการซ้ำ หรือเปลี่ยนไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น หรือถูกทำลาย วิเคราะห์สาเหตุของการเบี่ยงเบนเพื่อลดโอกาสเกิดซ้ำ ระบุเหตุผลการเบี่ยงเบนของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบอาจพิจารณาเพื่อในสภาวะที่คล้ายคลึงกันมีขั้นตอนการดำเนินงานและบันทึกผลการดำเนินงานรวมถึงสาเหตุของการเบี่ยงเบนจะต้องทบทวนการปฏิบัติการแก้ไขเป็นระยะ เพื่อระบุแนวโน้มและมั่นใจว่าการปฏิบัติ การแก้ไขมีประสิทธิผล
11. การพิสูจน์ยืนยันความใช้ได้ของแผน HACCP และขั้นตอนการดำเนินงาน การทวนสอบ
11.1 การพิสูจน์ยืนยันความใช้ได้ จะต้องมั่นใจ ว่าองค์ประกอบ ของระบบ HACCP ควบคุมอันตรายที่มีนัยสำคัญใด เช่น การระบุอันตราย การกำหนดจุดวิกฤต ค่าวิกฤต มาตรการควบคุม ความถี่และรูปแบบการเฝ้าระวัง ความถี่และรูปแบบของการทวนสอบ รูปแบบของข้อมูลที่จะบันทึก
กรณีให้ผู้เชี่ยวชาญภายนอกกำหนดค่าวิกฤตต้องมั่นใจว่าสามารถนำมาใช้กับกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์ได้ ช่วงเริ่มต้นการดำเนินการ ระบบ HACCP และหลังจากกำหนดขั้นตอนการดำเนิน การทวนสอบ ควรมีหลักฐาน ว่าควบคุมได้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อการเปลี่ยนแปลงทบทวนระบบ HACCP และพิสูจน์ยืนยันความใช้ได้ของแผน HACCP ซ้ำ
11.2 ขั้นตอนการทวนสอบ กำหนดขั้นตอนการดำเนินงานการทวนสอบรวมถึง เช่น การสังเกต
การตรวจประเมินภายในและภายนอก การสอบเทียบ การสุ่มตัวอย่างและการทบทวน การทบทวนบันทึก ตรวจสอบว่า HACCP เป็นไปตามแผนที่วางไว้
12. การกำหนดวิธีการจัดทำเอกสารและการเก็บบันทึก
จัดทำขั้นตอนการดำเนินงาน HACCP เป็นเอกสารและจัดเก็บบันทึกที่เพียงพอ
ตัวอย่างเอกสารที่จัดทำ
1. องค์ประกอบของทีม HACCP
2. การวิเคราะห์อันตรายและข้อมูลสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์
3. วิธีการพิจารณา CCP
4. การกำหนดค่าวิกฤตและข้อมูลสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์
5. Validation
6. การปรับเปลี่ยนแผน
การทบทวนสอบจะต้องมีความถี่ที่เพียงพอที่จะยืนยันว่าระบบมีประสิทธิภาพ และดำเนินการตามมาตรการควบคุมการทวนสอบควรทบทวนองค์ประกอบของระบบ HACCP ว่ามีการระบุอันตรายที่มีนัยสำคัญอย่างเหมาะสม มาตรการควบคุมและค่าวิกฤตเพียงพอที่จะควบคุมอันตราย การเฝ้าระวังและกิจกรรมการทวนสอบที่เกิดขึ้นตามแผน และสามารถระบุความเบี่ยงเบนได้และการปฏิบัติการแก้ไขมีความเหมาะสม
ตัวอย่างบันทึกข้อมูล
กิจกรรมต่างๆในการตรวจเฝ้าระวัง CCP การเบี่ยงเบนวิธีการแก้ไขที่เกี่ยวข้องรวมถึงขั้นตอนการดำเนินงานการทบทวนสอบต่างๆและการเก็บรักษาบันทึกทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
13. การฝึกอบรม
จัดทำขั้นตอนการดำเนินงานและวิธีการปฏิบัติงานรวมทั้งหน้าที่ของพนักงานที่รับผิดชอบแต่ละ CCP
- ควรกำหนดโปรแกรมการฝึกอบรมที่เหมาะสมกับความรู้และทักษะของบุคลากร
- ควรมีการทบทวนโปรแกรมการฝึกอบรมเป็นระยะและปรับปรุงเมื่อมีความจำเป็นอาจจะต้องมีการอบรมซ้ำเพื่อการปฏิบัติการแก้ไข
ใน
Food
#
GHPs
HACCP
การวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม
Inthira Mahawong
18 กรกฎาคม ค.ศ. 2025
แชร์โพสต์นี้
แท็ก
GHPs
HACCP
การวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม
บล็อกของเรา
Food
ISO
เก็บถาวร
-- วันที่ทั้งหมด
กรกฎาคม 2025
มิถุนายน 2025
พฤษภาคม 2025
เมษายน 2025
มีนาคม 2025
กุมภาพันธ์ 2025
มกราคม 2025
ธันวาคม 2024
พฤศจิกายน 2024
ตุลาคม 2024
กันยายน 2024
กรกฎาคม 2024
มิถุนายน 2024
พฤษภาคม 2024
เมษายน 2024
มีนาคม 2024
กุมภาพันธ์ 2024
มกราคม 2024
ธันวาคม 2023
พฤศจิกายน 2023
ตุลาคม 2023
กันยายน 2023
สิงหาคม 2023
ลงชื่อเข้าใช้
ที่จะแสดงความคิดเห็น