ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 435)
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 435) กําหนดให้ภาชนะบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกต้อง “ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค” แต่ไม่ได้ระบุชนิดของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค จึงมีคำถามต่อมาเสมอว่าต้องตรวจเชื้อจุลินทรีย์อะไรล่าสุด 26 กรกฎาคม 2565 อย. ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่องคำชี้แจงประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 435) กำหนดแนวทางตรวจวิเคราะห์จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคบนบรรจุภัณฑ์ โดยแนะนำการตรวจไว้ 4 ชนิด คือ Salmonella spp. , Staphylococcus aureus, Bacillus cereus และ Clostridium perfringens ทั้งนี้ก็สามารถตรวจจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคนอกเหนือจากนี้ได้
โดยเกณฑ์กําหนดว่า “ต้องไม่พบการปนเปื้อน” นั่นเอง
การตัดสินใจว่าควรตรวจเชื้อจุลินทรีย์ชนิดใดนั้นอาจพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
1. มาตรฐานทั่วไปสำหรับจุลินทรีย์ในอาหาร: แม้ว่าภาชนะบรรจุภัณฑ์จะไม่ใช่อาหารโดยตรง แต่เราอาจอ้างอิงมาตรฐานการตรวจสอบจุลินทรีย์ในอาหารได้ เช่น การตรวจหาเชื้อ 4 ชนิดที่คุณได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ (Salmonella spp., Staphylococcus aureus, Bacillus cereus, และ Clostridium perfringens)
2. จุลินทรีย์ที่บ่งชี้สุขลักษณะ (Hygiene indicator organisms):
- Total Plate Count (จำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด)
- Coliform bacteria (แบคทีเรียโคลิฟอร์ม)
- Escherichia coli (E. coli)
3. เชื้อก่อโรคที่พบบ่อยในสภาพแวดล้อมการผลิต:
- Listeria monocytogenes
- Pseudomonas aeruginosa
4. เชื้อราและยีสต์:
- ซึ่งอาจเติบโตบนพื้นผิวของภาชนะบรรจุภัณฑ์ในสภาวะที่มีความชื้น
5. การพิจารณาตามลักษณะการใช้งานของภาชนะ:
- ภาชนะสำหรับอาหารที่พร้อมรับประทานอาจต้องมีมาตรฐานที่เข้มงวดกว่าภาชนะสำหรับอาหารที่ต้องปรุงสุกก่อนรับประทาน
6. มาตรฐานสากล:
- อ้างอิงมาตรฐานจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ISO หรือ FDA ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของภาชนะบรรจุอาหาร